.:::: My Diary ::::.






โปรเจ็คกูเกิลพลัส google plus         google ส่งโครงการ google plus (กูเกิลพลัส) แข่งขันกับ facebook.com
ชูแนวคิด การแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ บนเว็บแบบเดียวกับที่ทำในชีวิตจริง
เข้าดูได้ที่ plus.google.com  ดูเฉย ๆ ลองใช้ไม่ได้ สมัครไม่ได้
เพราะเขากำลังทดสอบโครงการนี้กับกลุ่มคนจำนวนไม่มากที่ได้รับเชิญเท่านั้น


เดาว่าทุกอย่างน่าจะเหมือนกับ facebook ทั้งระบบแชร์วีดีโอ บทความ และรูปภาพ และเพิ่มลูกเล่นเฉพาะในแบบฉบับ google เข้าไป เช่น มีบริการพูดคุยผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ รูปภาพและวีดีโออัพโหลดได้ด้วยตัวเอง ระบบสนทนาพร้อมกันทั้งกลุ่ม  แบ่งปันข้อมูลเฉพาะกลุ่ม  และน่าจะเชื่อมโยงกับบริการต่าง ๆ ของ google ได้โดยง่าย  (รอชม)
ในอนาคตอันไม่ไกลนี้ตลาดโฆษณาออนไลน์ น่าจะร้อนแรงขึ้นอีก
และผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์หน้าใหม่จะแจ้งเกิดอีกเป็นจำนวนมาก

กลุ่มผู้ใช้ชาวไทยจะให้ความสนใจหรือไม่? จะเปลี่ยนใจกลุ่มผู้ใช้ facebook ให้หันมาใช้ google+ ได้หรือไม่? เป็นอะไรที่น่าติดตาม  เฟซบุ๊กก็จะมีการปรับบริการใหม่เพื่อมาตั้งรับต่อสู้กับ google+ อย่างแน่นอน
และสำหรับใครก็ตามที่ต้องการใช้ google+ ลงชื่อจองการใช้ได้ที่นี่ครับ
https://services.google.com/fb/forms/googleplus/


*********************************************************************************

สามชุกในความทรงจำ


ถึงนามสามชุกถ้า ป่าดง
เกรี่ยงไร่ได้พ่ายลง แลกล้ำ
เรือค้าท่านั้นคง คอยเกรี่ยงเรียงเอย
รายจอดทอดท่าน้ำ นับฝ้ายขายของฯ
(นิราศเมืองสุพรรณ-สุนทรภู่-พ.ศ.2379)
       ตลาดสามชุก จ.สุพรรณบุรี หลายๆคนอาจได้มีโอกาสไปเที่ยว เยี่ยมชมวิถีตลาดเก่ากันมาแล้วบ้าง เป็นตลาดห้องแถวไม้ขนาดใหญ่อยู่ริมแม่น้ำสุพรรณบุรีหรือที่รู้จักกันคือแม่น้ำท่าจีน ตั้งแต่ตลาดสามชุกได้รับรางวัลอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคจากองค์การยูเนสโก ในวันที่ 11 ธันวาคม 2552 โดยเป็นหนึ่งในสี่เมืองที่พลิกฟื้นประวัติศาสตร์ชุมชนให้น่าอยู่และมีชีวิตชีวาโดยชาวบ้านในท้องถิ่นเป็นกำลังสำคัญจนได้ชื่อว่า “ตลาดมีชีวิต พิพิธภัณฑ์มีชีวา”
ผมเองไม่ได้เกิดและเติบโตในตลาดแห่งนี้ และอาจถือได้ว่าไม่ได้ผูกพันกันอะไรกันมากนัก แต่สิ่งเดียวที่ผมได้รู้จักตั้งแต่เด็กว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และจริญมากที่สุดในย่านนั้นและยุคสมัยนั้น ผมไปงานแต่งเพื่อนที่ตลาดสามชุกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงได้เดินลัดเลาะตามซอยต่างๆ เพื่อดูว่าอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างและอาจเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่ได้มาเดินตลาดแห่งนี้อย่างจริงๆจังๆ นับตั้งแต่ได้รับรางวัลเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดก็คือจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากจนเบียดเสียดตามซอกซอยต่างๆ ต่างซื้อ ต่างกิน ต่างถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตามธรรมเนียม ซึ่งผมเองก็อดไม่ได้ที่จะต้องกดชัตเตอร์เก็บภาพบรรยากาศมาด้วยเหมือนกัน

       ในบางส่วนของบทความได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจที่คนในตลาดเองควรต้องฉุกคิดว่าจะดำรงวิถีเพื่อชุมชนตนเองที่อยู่มาหรือเพื่อการตลาดตอบสนองตามความต้องการของนักท่องเที่ยว
“The market risks losing its own cultural identity as many tourists do not care enough about the history, the culture or even the architecture of the market.”
“Most of the tourists come here to shop. Only a few of them are really interested in our culture and way of life.
“We’re afraid the economic gains may have hidden the appeal of the cultural heritage the market has to offer. The appeal will one day vanish altogether”.
      หากทฤษฎีของความเจริญรุ่งเรืองของสิ่งหนึ่งสิ่งใดมีช่วงระยะเวลาหรือที่เรียกว่าไซเคิล ผมก็ไม่รู้ว่าวันนี้คือจุดใดซึ่งอาจเป็นช่วงกำลังขึ้นหรืออาจเป็นระดับสูงสุดและหากเป็นเช่นนั้นก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกไม่นานก็คงเป็นคราวลง ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นชุมชนแห่งนี้จะเป็นอย่างไร?

*********************************************************************************************